Google Analytics เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ ประเมินผลเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันได้อย่างทะลุปรุโปร่ง โดยการนำข้อมูลจากคนที่เข้าเว็บมาวิเคราะห์เป็นสถิติต่าง ๆ ทั้งด้านภูมิประชากรศาสตร์ เช่น เพศ อายุ ความสนใจ และความชอบส่วนตัว หรืออาชีพของผู้เข้าชมเว็บ รวมถึงด้านพฤติกรรม เช่น อุปกรณ์ที่ใช้เข้าชมเว็บไซต์ ช่วงเวลาที่อยู่บนเว็บไซต์ เป็นต้น 💡 เข้าใจลูกค้าตลอด Journey เดิมทีการเก็บข้อมูลจะแยกกันระหว่างเว็บ และแอปพลิเคชัน ทำให้ภาพของ Customer Journey จึงไม่ต่อเนื่องกัน ทำให้แบรนด์ไม่สามารถเห็นภาพลูกค้าเข้าใช้งานระหว่างเว็บ และแอปพลิเคชันได้ชัดเจน ใน Google Analytics 4 จึงแก้ปัญหาด้วยการใช้ Event Based Model ทำให้แบรนด์สามารถเห็นภาพทั้ง Customer Journey ของลูกค้ารายบุคคล 💡 เก็บข้อมูลแบบ Realtime เดิมทีกว่าที่แบรนด์จะสามารถดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันมารวมกัน แล้วระบุตัวตนได้ มักจะใช้เวลานาน เพราะต้องนำข้อมูลมาจัดระเบียบให้อยู่ในรูปแบบที่ Machine Learning สามารถอ่านข้อมูลได้ ซึ่งกระบวนการดังกล่าว ทำให้ข้อมูลบางส่วนหายไป แต่ใน Google Analytics 4 เปลี่ยนรูปแบบการเก็บข้อมูลเป็นรูปแบบของ Event Model ทำให้ดึงข้อมูลมาใช้ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาจัดระเบียบข้อมูล 💡 เก็บข้อมูลเชิงลึกช่วยตัดสินใจ ปกติแล้วแบรนด์มักจะใช้ข้อมูลประชากรศาสตร์ และข้อมูลเชิงจิตวิทยา มาใช้ในการวิเคราะห์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถช่วยให้นักการตลาด “ทำนาย” พฤติกรรมในอนาคตของลูกค้าได้ แต่ใน Google Analytics 4 จะช่วยแบรนด์ในการเก็บข้อมูลเชิงพฤติกรรม เช่น ข้อมูลการคลิกวีดีโอหรือดาวน์โหลดไฟล์ มาวิเคราะห์เพื่อทำนายสิ่งที่ลูกค้าจะทำในอนาคต เมื่อเเบรนด์เข้าใจลูกค้าจะสามารถ Take action ต่อไปได้ 💡 วัดผลได้แม่นยำมากขึ้น ในยุคที่ผู้บริโภคสามารถกดเลือกยินยอม ในการเก็บข้อมูลเองได้ ไม่ว่าจะเป็น Ads Cookies , Analytics cookies แน่นอนว่าย่อมมีผู้บริโภคบางส่วนที่กดไม่ยอมรับให้แบรนด์สามารถนำข้อมูลของตัวเองไปใช้ได้ ทำให้แบรนด์ไม่สามารถเห็น Customer Journey ของลูกค้าท่านนั้นๆ ได้ นั่นเป็นที่มาของ Consent Mode ของ Google Analytics 4 ที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถวัดผลแคมเปญที่ปล่อยออกไปได้อย่างแม่นยำขึ้นแม้ผู้บริโภคไม่ให้ความยินยอมให้เก็บข้อมูล โดยหากลูกค้าไม่กด Consent แบรนด์ก็ยังคงไม่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลมา แต่จะเก็บข้อมูลออกมาในรูปแบบ Aggregate level ซึ่งไม่ระบุตัวตนของลูกค้าท่านนั้นๆ ผ่านการใช้ Machine Learning โดยใน Google Analytics 4 เป็นเครื่องมือเวอร์ชันล่าสุด ที่ช่วยทำนายพฤติกรรมในอนาคตของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ และมีฟีเจอร์การเก็บข้อมูลอีกมากมายเช่น Acquisition ที่ช่วยบอกถึงผู้คนที่เข้ามาดูเว็บของเราจากช่องทางไหนบ้าง ใช้เวลาบนเว็บเฉลี่ยคนละกี่นาที โดยจะแปรผลออกมาในรูปแบบของ Engagement Rate, รายงานที่บอกภาพรวมการใช้งานเว็บไซต์ เช่น คอนเทนต์ที่มีผู้ใช้งาน หรือสนใจมากที่สุด, รายงานที่บอกข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าทั้งหน้าเก่า และหน้าใหม่, Demographic & Tech เป็นส่วนที่บอกข้อมูลทั่วไปของผู้ใช้งานเว็บไซต์ของเรา และอุปกรกรณ์ที่ใช้เข้าถึงเว็บ สามารถนำไปใช้วิเคราะห์การยิง Ads โฆษณาให้ตรงกลุ่มยิ่งขึ้น รวมถึง Real Time Report คือการรายงานผลแบบเรียลไทม์…
ลิซ่า BLACKPINK” ที่เพิ่งไปคว้ารางวัล “Best K-Pop” งาน VMAs
ลิซ่า BLACKPINK” ที่เพิ่งไปคว้ารางวัล “Best K-Pop” งาน VMAs กลายเป็นศิลปินเดี่ยว K-POP คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัล “BEST K-POP 2022”
.
แต่ความสำเร็จนี่ไม่ใช่แค่วงการเพลง ในโลกของธุรกิจ เธอเป็นผู้ทรงอิทธิพลอีกคนหนึ่ง ที่สามารถเขย่าวงการธุรกิจและแฟชั่น สร้างการรับรู้ และทำกำไรได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
.
“Celine” Celine (เซลีน)แบรนด์ลูกในเครือผู้ผลิตสินค้าหรูอย่าง LVMH เลือกลิซ่าเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลก (Global Ambassador) คนแรกในประวัติศาสตร์ 75 ปีของแบรนด์ ตั้งแต่ปี 2020 และปัจจุบันช่วงเวลาเพียงสองปี อิทธิพลของลิซ่าทำรายได้ให้แบรนด์ Celine อย่างถล่มทลาย สินค้าทุกชิ้นที่ลิซ่าหยิบจับมาสวมใส่ กลายเป็นสินค้าขายดีที่ sold out ขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว
.
หนึ่งในสาเหตุผลสำคัญที่ลิซ่าได้รับเลือก เพราะเธอคือศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายใหญ่ของแบรนด์ ลิซ่ามีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นจากการที่เธอมีบทบาทเป็นเมนเทอร์ ในรายการ Youth With You ถึง 2 ซีซัน แถมแฟนคลับรวมทั้งแม่ยกของลิซ่าในจีน มีอำนาจการซื้อมหาศาล ที่พร้อมสนับสนุนศิลปินที่พวกเขารักแบบ”ไม่อั้น”ให้กับสินค้าแบรนด์ใดก็ตามที่ลิซ่าเข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้น ไม่มีใครแล้วที่เหมาะสมจะเป็น Global Ambassador คนแรกของ Celine มากไปกว่าลิซ่า Blackpink คนนี้
.
Vogue Business กล่าวว่า การโพสต์แบรนด์ Celine บนอินสตาแกรม (IG) ของลิซ่าได้สร้าง Media Impact Value หรือมูลค่าผลกระทบต่อสื่อด้วยตัวเลข 1.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 46 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าช่องทางของ Celine เองเสียอีก จน Celine ได้รับฉายาว่า ‘แบรนด์ระดับหรูที่เติบโตเร็วที่สุด’
.
โดยมูลค่าแบรนด์ของ Celine เพิ่มขึ้น 118% เป็น 1,500 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2021 ตามรายงานของ Brand Finance ส่งผลให้ปัจจุบันแบรนด์ต่าง ๆ และ เอเจนซี่โฆษณา แย่งกันฉกชิงตัวลิซ่า BLACKPINK เพื่อให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์
.
จนปัจจุบันลิซ่าเป็น Brand Ambassador ให้กับ CELINE, BVLGARI, Mac Cosmetic, DENTISTE และ Chivas Regal จะเห็นว่า Brand Ambassador , Brand Presenter หรือแม้กระทั้ง Influencer เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ เอเจนซี่โฆษณา สามารถ สร้างแคมเปญเพื่อการรับรู้และ สร้างยอดขายได้อย่างมหาศาล
———————————-
สนใจ Brand Presenter หรือ Influencer ปรึกษา เอเจนซี่โฆษณา Unicronet ที่มีประสบการณ์ด้าน Campaign Influencer มากกว่า 10 ปี ทั้งแบรนด์เล็ก แบรนด์ใหญ่ โปรโมทเดือนนี้ แถมฟรีค่าโฆษณามูลค่าหลักหมื่น !!!
ติดต่อ เอเจนซี่โฆษณา ได้ที่ :: Tel. 094-616-3651
Line OA : @unicronet
#Unicronet #PerformanceMarketing #DigitalAgency #เอเจนซี่โฆษณา