🎯 วันนี้มาเรียนรู้กลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่ทุกแบรนด์หรือ เอเจนซี่โฆษณา เลือกใช้กัน ทำเมื่อไหร่ก็เรียกยอด like ยอด Share ได้อย่างล้นหลาม! หลายต่อหลายครั้งคอนเทนต์ที่เป็นไวรัล เกิดกระแสการแชร์ การถูกแท็ก มักมาจาก Insight ของคนเราที่เห็นแล้วรู้สึกว่านี่มันเราชัดๆ หรือแฟนเราก็เป็น และอีกหลากหลายความรู้สึกว่ามันตรงกับชีวิตเราจัง 1. การสร้างคอนเทนต์ Insight Based จึงต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของเราที่จะสื่อ ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรม ความชื่นชอบ ความต้องการ หยิบยกมาทำเป็นคอนเทนต์ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้เกิดความสนใจ 2. คอนเทนต์ Real time คือการทำคอนเทนต์แบบปัจจุบัน ที่ทันต่อเหตุการณ์ หรือมีสถานการณ์ที่น่าสนใจที่กำลังเกิดขึ้น และเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง ซึ่งหากทำแล้วได้รับความนิยม และสื่อสารต่อผู้ชมได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตามเราไม่จำเป็นต้องเกาะทุกกระแส ต้องพิจารณาความเหมาะสมว่าตรงกับแบรนด์หรือไม่ มิเช่นนั้นอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี 3. คอนเทนต์แบบ Contextual อาจจะเป็นศัพท์ใหม่ของใครหลาย ๆ คน คือการทำคอนเทนต์ที่อิงกับบริบทรอบตัวของกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างความสนใจอย่างลึกซึ้ง เช่น การโฆษณาเพื่อต้อนรับเทศกาลต่าง ๆ หรือ SMS ส่วนลดที่เข้ามาทางมือถือทุกครั้งที่เข้าร้านแบรนด์เสื้อผ้า หรือ โฆษณาที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ ล้วนแล้วแต่เป็น Contextual Marketing 📌ในยุคดิจิทัลแบบนี้ คอนเทนต์เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ควรคำนึงถึง หากเราสามารถผลิตคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ช่วยในการแก้ปัญหา หรือนำเสนอในสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ จะสามารถสร้างผู้ติดตามที่มีคุณภาพ และให้ความสนใจกับแบรนด์ของคุณอย่างแท้จริง จนสามารถนำไปสู่การปิดการขายได้ ---------------------------- หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาและทีมทำการตลาดออนไลน์ เอเจนซี่โฆษณา สร้างยอดขายทะลุเป้าแบบก้าวกระโดด ติดต่อเราเพื่อให้ธุรกิจของคุณไปสู่เป้าหมายที่ใฝ่ฝัน ติดต่อ เอเจนซี่โฆษณา ได้ที่ : Tel. 094-616-3651 Line OA : @unicronet #Unicronet #PerformanceMarketing #digital agency #เอเจนซี่โฆษณา #Marketing agency
วิเคราะห์ตรงจุด โฟกัสลูกค้าอย่างแท้จริงด้วย Google Analytics 4
Google Analytics เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ ประเมินผลเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันได้อย่างทะลุปรุโปร่ง โดยการนำข้อมูลจากคนที่เข้าเว็บมาวิเคราะห์เป็นสถิติต่าง ๆ ทั้งด้านภูมิประชากรศาสตร์ เช่น เพศ อายุ ความสนใจ และความชอบส่วนตัว หรืออาชีพของผู้เข้าชมเว็บ รวมถึงด้านพฤติกรรม เช่น อุปกรณ์ที่ใช้เข้าชมเว็บไซต์ ช่วงเวลาที่อยู่บนเว็บไซต์ เป็นต้น
💡 เข้าใจลูกค้าตลอด Journey เดิมทีการเก็บข้อมูลจะแยกกันระหว่างเว็บ และแอปพลิเคชัน ทำให้ภาพของ Customer Journey จึงไม่ต่อเนื่องกัน ทำให้แบรนด์ไม่สามารถเห็นภาพลูกค้าเข้าใช้งานระหว่างเว็บ และแอปพลิเคชันได้ชัดเจน ใน Google Analytics 4 จึงแก้ปัญหาด้วยการใช้ Event Based Model ทำให้แบรนด์สามารถเห็นภาพทั้ง Customer Journey ของลูกค้ารายบุคคล
💡 เก็บข้อมูลแบบ Realtime เดิมทีกว่าที่แบรนด์จะสามารถดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันมารวมกัน แล้วระบุตัวตนได้ มักจะใช้เวลานาน เพราะต้องนำข้อมูลมาจัดระเบียบให้อยู่ในรูปแบบที่ Machine Learning สามารถอ่านข้อมูลได้ ซึ่งกระบวนการดังกล่าว ทำให้ข้อมูลบางส่วนหายไป แต่ใน Google Analytics 4 เปลี่ยนรูปแบบการเก็บข้อมูลเป็นรูปแบบของ Event Model ทำให้ดึงข้อมูลมาใช้ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาจัดระเบียบข้อมูล
💡 เก็บข้อมูลเชิงลึกช่วยตัดสินใจ ปกติแล้วแบรนด์มักจะใช้ข้อมูลประชากรศาสตร์ และข้อมูลเชิงจิตวิทยา มาใช้ในการวิเคราะห์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถช่วยให้นักการตลาด “ทำนาย” พฤติกรรมในอนาคตของลูกค้าได้ แต่ใน Google Analytics 4 จะช่วยแบรนด์ในการเก็บข้อมูลเชิงพฤติกรรม เช่น ข้อมูลการคลิกวีดีโอหรือดาวน์โหลดไฟล์ มาวิเคราะห์เพื่อทำนายสิ่งที่ลูกค้าจะทำในอนาคต เมื่อเเบรนด์เข้าใจลูกค้าจะสามารถ Take action ต่อไปได้
💡 วัดผลได้แม่นยำมากขึ้น ในยุคที่ผู้บริโภคสามารถกดเลือกยินยอม ในการเก็บข้อมูลเองได้ ไม่ว่าจะเป็น Ads Cookies , Analytics cookies แน่นอนว่าย่อมมีผู้บริโภคบางส่วนที่กดไม่ยอมรับให้แบรนด์สามารถนำข้อมูลของตัวเองไปใช้ได้ ทำให้แบรนด์ไม่สามารถเห็น Customer Journey ของลูกค้าท่านนั้นๆ ได้ นั่นเป็นที่มาของ Consent Mode ของ Google Analytics 4 ที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถวัดผลแคมเปญที่ปล่อยออกไปได้อย่างแม่นยำขึ้นแม้ผู้บริโภคไม่ให้ความยินยอมให้เก็บข้อมูล โดยหากลูกค้าไม่กด Consent แบรนด์ก็ยังคงไม่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลมา แต่จะเก็บข้อมูลออกมาในรูปแบบ Aggregate level ซึ่งไม่ระบุตัวตนของลูกค้าท่านนั้นๆ ผ่านการใช้ Machine Learning
โดยใน Google Analytics 4 เป็นเครื่องมือเวอร์ชันล่าสุด ที่ช่วยทำนายพฤติกรรมในอนาคตของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ และมีฟีเจอร์การเก็บข้อมูลอีกมากมายเช่น Acquisition ที่ช่วยบอกถึงผู้คนที่เข้ามาดูเว็บของเราจากช่องทางไหนบ้าง ใช้เวลาบนเว็บเฉลี่ยคนละกี่นาที โดยจะแปรผลออกมาในรูปแบบของ Engagement Rate, รายงานที่บอกภาพรวมการใช้งานเว็บไซต์ เช่น คอนเทนต์ที่มีผู้ใช้งาน หรือสนใจมากที่สุด, รายงานที่บอกข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าทั้งหน้าเก่า และหน้าใหม่, Demographic & Tech เป็นส่วนที่บอกข้อมูลทั่วไปของผู้ใช้งานเว็บไซต์ของเรา และอุปกรกรณ์ที่ใช้เข้าถึงเว็บ สามารถนำไปใช้วิเคราะห์การยิง Ads โฆษณาให้ตรงกลุ่มยิ่งขึ้น รวมถึง Real Time Report คือการรายงานผลแบบเรียลไทม์ ทำให้รู้ว่าในช่วงเวลานี้มี User เข้ามาดูเว็บไซต์ของเรากี่คน อยู่ที่หน้าเว็บไหนกันบ้าง หรือเข้ามาจากช่องทางใดบ้าง
——————————-
หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาและทีมทำการตลาดออนไลน์ เอเจนซี่โฆษณา สร้างยอดขายทะลุเป้าแบบก้าวกระโดด ติดต่อเราเพื่อให้ธุรกิจของคุณไปสู่เป้าหมายที่ใฝ่ฝัน
ติดต่อ เอเจนซี่โฆษณา ได้ที่ : Tel. 094-616-3651
Line OA : @unicronet
#Unicronet #PerformanceMarketing #digital agency #เอเจนซี่โฆษณา #Marketing agency