สำหรับนักการตลาด และเอเจนซี่โฆษณาทั้งหลาย เทศกาลสงกรานต์ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังถือเป็นโอกาสทางการตลาดที่หลายแบรนด์รอคอยอีกด้วย ยิ่งในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าเทรนด์แฟชั่น ข้อมูลเชิงลึกอย่าง customer insight จึงกลายเป็นอาวุธสำคัญในการสร้างผลลัพธ์ให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับแพลตฟอร์มที่ผู้คนใช้เวลาอยู่มากที่สุดอย่าง TikTok จากข้อมูลของ TikTok Insight ล่าสุด มีการเผยข้อมูลสำคัญที่สะท้อนพฤติกรรม และแนวโน้มของผู้บริโภคในช่วงเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเที่ยว ไปจนถึงการตัดสินใจซื้อสินค้าจากการดูคอนเทนต์ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้สามารถนำไปใช้ต่อยอดกลยุทธ์ในการทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะสำหรับใครที่ทำงานด้าน digital marketing หรือรับทำการตลาด ซึ่งต้องการ insight แบบเรียลไทม์มาใช้ในการวางแผนแคมเปญคนไทยใน TikTok พร้อมจ่ายมากขึ้นในช่วงสงกรานต์ จากผลสำรวจล่าสุดของ TikTok ประเทศไทย พบว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์:63% ของผู้ใช้งานมีแนวโน้มใช้เวลาอยู่บน TikTok มากขึ้น98% มีแผนใช้จ่ายเท่าเดิมหรือมากกว่ามากกว่า 58% วางแผนซื้อของโดยตรงผ่าน TikTok Shop จากพฤติกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคในแพลตฟอร์มนี้ "เปิดใจ" และ "พร้อมจ่าย" มากขึ้นในช่วงเทศกาล ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสร้าง Brand Awareness และกระตุ้น Conversion อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะหากคุณเป็นแบรนด์ หรือเอเจนซี่โฆษณาที่ให้บริการรับทำการตลาด และต้องการใช้ช่วงเวลานี้ในการขยายฐานลูกค้า รวมถึงเพิ่มยอดขายอย่างตรงจุด เพราะจุดเด่นของ TikTok คือแพลตฟอร์มที่สามารถพร้อมเปลี่ยนจากผู้ชมเป็นลูกค้าได้ทันที ผ่านคอนเทนต์ที่โดนใจ หรือถูกจังหวะความต้องการของผู้ใช้งานได้พอดี จุดนี้จึงเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่เอเจนซี่โฆษณาควรใช้ให้เกิดประโยชน์ในการออกแบบแคมเปญทำการตลาดออนไลน์ ดังนั้นการเตรียมแคมเปญให้พร้อมก่อนคู่แข่งเพียงไม่กี่วัน อาจกลายเป็นแต้มต่อที่ทำให้แคมเปญของคุณกลายเป็นกระแสได้ง่ายกว่าแล้วผู้บริโภคใน TikTok ให้ความสนใจอะไรเป็นพิเศษ ? หนึ่งใน customer insight ที่น่าสนใจ คือเมื่อเข้าสู่ช่วงสงกรานต์ ผู้ใช้งาน Tiktok หลายๆ คนจะมีพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ที่หลากหลายกว่าช่วงปกติ และเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น...เทรนด์แฟชั่นที่ผสมผสานความร่วมสมัยกับวัฒนธรรมคลิปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และเมนูที่คนกำลังพูดถึงรีวิวจาก Creator หรือ KOL ที่ช่วยให้การวางแผนเที่ยวง่ายขึ้นสินค้าออกใหม่ที่มีเฉพาะช่วงเทศกาลวิดีโอเทคนิคการแต่งหน้า การดูแลผิว และการแต่งตัวให้เหมาะกับอากาศและกิจกรรมช่วงสงกรานต์ ดังนั้นสำหรับแบรนด์หรือทีมที่รับทำการตลาด ข้อมูลเหล่านี้คือข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ทีมรับทำการตลาดวางแผนคอนเทนต์ได้แม่นยำขึ้น ทั้งในเชิงของสไตล์การนำเสนอ จุดเชื่อมโยงทางอารมณ์ และจังหวะเวลาที่เหมาะสม เมื่อทีมรับทำการตลาดเข้าใจพฤติกรรมเหล่านี้ ก็สามารถออกแบบแคมเปญให้ตอบโจทย์ได้มากกว่าแค่ยอดวิว แต่ยังสร้างการมีส่วนร่วมและผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนได้ ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างแบรนด์ในระยะยาว ทั้งหมดนี้จึงไม่ใช่แค่ข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ แต่เป็นโอกาสสำคัญสามารถนำไปต่อยอดเป็นแคมเปญที่พูดกับผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด เพราะการเข้าใจว่า "คนดูอะไร" และ "สนใจอะไร" คือพื้นฐานสำคัญของ การสร้างแบรนด์ และการทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผลจริง ไม่ว่าจะเป็นการเจาะตลาดใหม่หรือเสริมความสัมพันธ์กับฐานลูกค้าเดิมไม่ใช่แค่ดู แต่ “ตัดสินใจ” ได้ทันทีหลังจากดูคอนเทนต์ สิ่งที่ทำให้ TikTok แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น คือผู้ใช้ไม่เพียงแค่เสพคอนเทนต์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถ “ตัดสินใจ” ทำบางอย่างต่อได้ทันที เช่น70% ค้นหาโปรโมชันหรือส่วนลดต่อ64% มองหารีวิวและประสบการณ์จากผู้ใช้จริงท่านอื่นๆ52% ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจซื้อสิ่งนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่า “คอนเทนต์ปังๆ ใน TikTok” ไม่ได้มีแค่หน้าที่สร้างความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็น “ตัวเร่ง” สำคัญต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในแบบเรียลไทม์อีกด้วย เมื่อลองสังเกตก็จะเห็นว่าหลายแคมเปญที่ประสบความสำเร็จในช่วงสงกรานต์ มักจะมีจุดร่วมคือคอนเทนต์ที่ไม่เพียงแค่ทำ storytelling เก่ง แต่ยังพาไปซื้อ และรีวิวสินค้าหรือบริการให้ดูจริงๆ ด้วยเช่นกันนั่นจึงเป็นเหตุผลที่กลุ่มธุรกิจจำนวนมากเริ่มปรับแนวทางการทำคอนเทนต์ให้เน้นการสื่อสารแบบกระชับ เข้าใจง่าย และเชื่อมโยงกับอารมณ์ในช่วงเทศกาล ยิ่งถ้าหากคุณเป็นเอเจนซี่โฆษณา หรือทีมรับทำการตลาดที่ดูแลลูกค้าหลากหลายหมวดสินค้า การเข้าใจว่าผู้ใช้ TikTok “พร้อมดู พร้อมซื้อ” กับอะไร คือกุญแจสำคัญในการเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม เพราะพฤติกรรมของผู้ใช้งาน TikTok ในแต่ละกลุ่มก็ต่างมีรูปแบบการตอบสนองที่เฉพาะตัว หากสามารถเลือกใช้…

สร้างแบรนด์ยังไงก็ไม่โต ถ้าไม่รู้จัก Branding
สร้างแบรนด์ยังไงก็ไม่โต ถ้าไม่รู้จัก Branding !
ไม่ว่าคุณจะมีสินค้าในตลาดมากเพียงใด แต่สินค้าหรือบริการที่คุณคิดจะขายย่อมมีโอกาสซ้ำหรือเกิดการลอกเลียนแบบจากคนอื่นได้ง่าย
แต่มีสิ่งหนึ่งที่แบรนด์อื่นไม่สามารถเลียนแบบได้คือ การสร้างแบรนด์ (Branding) ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ว่าจะธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่
ก็จำเป็นจะต้องทำ เพราะนอกจากจะสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าหรือบริการของแบรนด์กับคู่แข่งอื่น ๆ ในตลาดแล้ว ยังช่วยให้แบรนด์มีตัวตนชัดเจน
เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ และมีประโยชน์ในแง่อื่น ๆ
Branding คืออะไร?
Branding คือการสร้างภาพลักษณ์และประสบการณ์ที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ของคุณ ไม่ใช่แค่โลโก้หรือสโลแกน
แต่รวมถึงวิธีที่คุณสื่อสารกับลูกค้า วิธีที่คุณนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการ และความรู้สึกที่ลูกค้ามีเมื่อใช้สินค้าหรือบริการของคุณ
ทำไมการสร้างแบรนด์ถึงสำคัญ?
การสร้างแบรนด์ไม่ใช่แค่การมีภาพลักษณ์ที่สวยงาม การออกแบบโลโก้ หรือการเลือกใช้สีที่โดดเด่น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการสร้างประสบการณ์
และความรู้สึกที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ของคุณ การมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในตัวสินค้าหรือบริการของคุณ และทำให้ลูกค้าเลือกแบรนด์
ของคุณเหนือคู่แข่ง
- สร้างความแตกต่าง: ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การมีแบรนด์ที่เด่นชัดสามารถช่วยให้คุณโดดเด่นและต่างจากคู่แข่งได้
เช่น แบรนด์ Apple ที่มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใครและมีระบบปฏิบัติการเฉพาะตัว
.
- สร้างความน่าเชื่อถือ: แบรนด์ที่แข็งแรงช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการเลือกใช้สินค้า
หรือบริการของคุณ
เช่น Nike ที่มีประวัติยาวนานในการผลิตสินค้ากีฬาคุณภาพ
.
- สร้างความภักดี: เมื่อผู้บริโภคมีประสบการณ์ที่ดีกับแบรนด์ พวกเขามีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อซ้ำและแนะนำแบรนด์ของคุณให้กับผู้อื่น
เช่น Starbucks ที่ลูกค้าประทับใจกับประสบการณ์การใช้บริการและคุณภาพของกาแฟ
.
- เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า: แบรนด์ที่มีคุณค่าและได้รับการยอมรับสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการของคุณ
เช่น Louis Vuitton ที่มีภาพลักษณ์หรูหราและคุณภาพสูง
องค์ประกอบสำคัญของ Branding
- อัตลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Identity): ประกอบด้วยโลโก้ สี สไตล์ และการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์
เช่น โลโก้ของ Coca-Cola ที่มีสีแดงสดและตัวอักษรแบบพิเศษ
. - น้ำเสียงของแบรนด์ (Brand Voice): วิธีการสื่อสารของแบรนด์ เช่น โทนเสียงในการโฆษณาและการสื่อสารกับลูกค้า
เช่น Dove ที่มีเสียงแบรนด์เน้นความอบอุ่นและการดูแล
.
- ประสบการณ์กับแบรนด์ (Brand Experience): วิธีที่ลูกค้าสัมผัสกับแบรนด์ผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ
เช่น ประสบการณ์การเข้าพักที่โรงแรม Ritz-Carlton ที่ให้บริการเหนือความคาดหมาย
ขั้นตอนการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง
- ศึกษาคู่แข่ง: เพื่อให้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลจุดแข็งและจุดอ่อนของแบรนด์คู่แข่งมาใช้ในการทำการตลาดได้
คุณควรจะเข้าใจว่าคู่แข่งของคุณทำอะไรได้ดีและอะไรที่ยังขาดอยู่ จากนั้นนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับใช้ในการวางแผนกลยุทธ์
ของแบรนด์คุณ
.
ตัวอย่าง: หากคุณขายเสื้อผ้าแฟชั่น ควรศึกษาว่าแบรนด์อื่นในตลาดมีจุดเด่นอย่างไร เช่นการออกแบบที่ทันสมัย
หรือการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากนั้นนำจุดแข็งเหล่านี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาแบรนด์ของคุณเอง
. - ออกแบบบุคลิกภาพของแบรนด์ให้โดดเด่น: บุคลิกภาพของแบรนด์ควรจะสะท้อนถึงจุดเด่นของสินค้าหรือบริการ
โดยให้คิดถึงคุณค่าที่แบรนด์ของคุณนำเสนอให้กับลูกค้า บุคลิกภาพที่ชัดเจนจะช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกเชื่อมโยง
และจดจำแบรนด์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น
.
ตัวอย่าง: หากแบรนด์ของคุณเน้นความเป็นมิตรและเข้าถึงง่าย บุคลิกภาพ
ของแบรนด์อาจจะใช้โทนเสียงที่เป็นกันเองและการออกแบบที่เรียบง่ายแต่โดดเด่น
. - ออกแบบอัตลักษณ์ของแบรนด์ให้ชัดเจน: อัตลักษณ์ของแบรนด์คือการนำเสนอบุคลิกภาพของแบรนด์ออกมาให้เป็นรูปธรรม
เช่น การใช้โลโก้ สี ฟอนต์ และภาพลักษณ์ต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับบุคลิกภาพของแบรนด์ การมีอัตลักษณ์ที่ชัดเจนจะช่วยให้แบรนด์
ของคุณโดดเด่นในสายตาของผู้บริโภค
.
ตัวอย่าง: การใช้โลโก้ที่เป็นเอกลักษณ์และสีที่สะท้อนบุคลิกภาพของแบรนด์จะช่วยให้ผู้บริโภค
จดจำแบรนด์ของคุณได้ง่ายขึ้น เช่น สีฟ้าสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสื่อถึงความน่าเชื่อถือและความสงบ
. - สื่อสารเพื่อเชื่อมต่อกับผู้บริโภคโดยใช้ Brand Marketing: การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในการเชื่อมต่อแบรนด์เข้ากับผู้บริโภค
ควรใช้ช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรืออีเมล เพื่อส่งเสริมและกระจายข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ
ให้ถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ
.
ตัวอย่าง: การใช้โซเชียลมีเดียในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและเกี่ยวข้องกับผู้บริโภค
การตอบกลับความคิดเห็น และการให้บริการลูกค้าที่ดีผ่านช่องทางออนไลน์จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
. - ตรวจสอบและวัดผลอย่างสม่ำเสมอ: หมั่นตรวจสอบและวัดผลการดำเนินการของแบรนด์ผ่านเครื่องมือวัดผลต่าง ๆ
เช่น Meta Business Suite, Google Analytics หรือการทำแบบสำรวจความคิดเห็นจากผู้บริโภค การตรวจสอบ
และวัดผลนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของความสำเร็จและปรับปรุงกลยุทธ์ของแบรนด์ได้อย่างต่อเนื่อง
.
ตัวอย่าง: การวัดผลด้วย Google Analytics จะช่วยให้คุณเห็นข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์ การมีส่วนร่วมของผู้ใช้
และผลลัพธ์จากแคมเปญการตลาดต่าง ๆ ทำให้สามารถปรับปรุงกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม
สรุป
การสร้างแบรนด์ให้เติบโตไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าคุณเข้าใจและนำหลักการของ Branding มาใช้ในการสร้างและพัฒนาแบรนด์ของคุณ
การเติบโตอย่างยั่งยืนก็จะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น อย่าละเลย Branding เพราะมันเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาแบรนด์ของคุณไปสู่ความสำเร็จ
—————————-
หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาและทีมทำการตลาดออนไลน์ เอเจนซี่โฆษณา สร้างยอดขายทะลุเป้าแบบก้าวกระโดด ติดต่อเราเพื่อให้ธุรกิจของคุณไปสู่เป้าหมายที่ใฝ่ฝัน
ติดต่อรับคำปรึกษาฟรี !!!
Tel : 094-616-3651
Line OA : @unicronet
#Unicronet #PerformanceMarketing #digital agency #เอเจนซี่โฆษณา #Marketing agency #Content marketing