เจาะลึกแพลตฟอร์ม วัดผลลัพธ์ และกลยุทธ์เลือกให้เหมาะกับแบรนด์TikTok มาแรงสุดๆ! วิดีโอสั้นไวรัลง่ายYouTube ครองตลาดคอนเทนต์ยาว ให้ข้อมูลเชิงลึกคำถาม แล้วธุรกิจของคุณควรลงทุนกับแพลตฟอร์มไหน?คำตอบ "ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายของคุณ" Unicronet รับทำการตลาด และ ทำการตลาดออนไลน์ ช่วยให้ธุรกิจของคุณเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมและเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพเปรียบเทียบ TikTok vs YouTube แบบเจาะลึก.1. TikTok แพลตฟอร์มแห่งไวรัลและ Engagement สูงจุดเด่น:คลิปสั้น (15 วินาที - 3 นาที) เข้าใจง่าย ไวรัลเร็วKOL (Key Opinion Leader) มีบทบาทสำคัญในกระแสไวรัลContent Marketing แบบไวรัลช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้เร็วEngagement สูง คอมเมนต์ แชร์ และโต้ตอบเยอะ การใช้ KOL ร่วมกับกลยุทธ์ Content Marketing ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการให้คอนเทนต์ TikTok ของคุณเป็นที่จดจำ Storytelling คือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์โดดเด่น Unicronet รับทำการตลาด และ ทำการตลาดออนไลน์ บน TikTok เพื่อให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักและสร้างยอดขายได้รวดเร็วช่วยออกแบบกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ของคุณ2. YouTube ศูนย์กลางของคอนเทนต์เชิงลึกและความน่าเชื่อถือจุดเด่น:รองรับวิดีโอความยาวสูงสุดหลายชั่วโมงเหมาะกับการให้ความรู้ รีวิวสินค้า และสร้างแบรนด์ด้วย Storytellingใช้ Content Marketing เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและติดอันดับ SEOวิดีโอที่มีความยาว ค้นหาได้ง่ายผ่าน YouTube Search YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับการใช้ Storytelling เพื่อเล่าเรื่องแบรนด์ และช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า การใช้ KOL ใน YouTube ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในเนื้อหาที่เน้นรีวิวหรือให้ความรู้ Unicronet ให้บริการ รับทำการตลาด และ ทำการตลาดออนไลน์ บน YouTube พร้อมช่วยออกแบบ Content Marketing ที่ทำให้วิดีโอของคุณติดอันดับและเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด: ใช้ TikTok และ YouTube ร่วมกัน หลายแบรนด์ใช้กลยุทธ์ Content Marketing ที่ผสมผสาน TikTok และ YouTube เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด3 วิธีใช้ TikTok & YouTube ร่วมกันให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดใช้ TikTok ดึงคนเข้ามา แล้วส่งต่อไปยัง YouTube ทำวิดีโอสั้นบน TikTok แล้วแปะลิงก์ให้คนไปดูเนื้อหาฉบับเต็มบน YouTubeใช้คอนเทนต์จาก YouTube ให้กลายเป็น TikTok ตัดไฮไลต์จากวิดีโอ YouTube มาโพสต์บน TikTok เพื่อเพิ่ม Trafficใช้ TikTok สร้างไวรัล แล้วใช้ YouTube สร้างความสัมพันธ์ระยะยาว TikTok สร้างกระแส แต่ YouTube ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจและเชื่อถือแบรนด์มากขึ้น การใช้ KOL และ Storytelling อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่จดจำในทุกแพลตฟอร์ม …

เจาะลึก Social Listening คืออะไร? คู่มือสร้างคอนเทนต์ที่ใช่ โดนใจลูกค้า
ในยุคที่ข้อมูลคืออาวุธสำคัญ การทำการตลาดออนไลน์ ไม่สามารถอาศัยแค่ไอเดียหรือการคาดเดาอีกต่อไป นักการตลาดที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัย Social Listening เพื่อติดตามเสียงของผู้บริโภค วิเคราะห์เทรนด์ และนำไปสู่ การทำ Market Research ที่แม่นยำ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า Social Listening คืออะไร และสามารถใช้เป็น คู่มือสร้างคอนเทนต์ที่ใช่ โดนใจลูกค้า ได้อย่างไร
Social Listening คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับการทำการตลาดออนไลน์
Social Listening คือกระบวนการ ติดตาม วิเคราะห์ และสรุปข้อมูล จากโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, Twitter, TikTok และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพื่อดูว่าผู้บริโภคกำลังพูดถึงอะไรเกี่ยวกับแบรนด์ สินค้า หรืออุตสาหกรรมของคุณ
ทำไม Social Listening ถึงเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้?
- ช่วยทำ Market Research ค้นหาความต้องการของตลาด และพฤติกรรมของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์
- พัฒนา Brand Analysis วิเคราะห์ภาพลักษณ์แบรนด์และวัดความนิยมได้อย่างแม่นยำ
- สร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย หาคีย์เวิร์ดและประเด็นที่ลูกค้าสนใจจริง ๆ
- เปรียบเทียบคู่แข่งได้ง่ายขึ้น วิเคราะห์กลยุทธ์ของคู่แข่งและหาโอกาสใหม่ ๆ
.
วิธีใช้ Social Listening ทำ Market Research และ Brand Analysis
.
1. ใช้ Social Listening ทำ Market Research อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำ Market Research คือการศึกษาตลาดเพื่อเข้าใจความต้องการของลูกค้า คู่แข่ง และเทรนด์ในอุตสาหกรรม ซึ่ง Social Listening สามารถช่วยได้ดังนี้:
- วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ดูว่าผู้คนพูดถึงปัญหาอะไร และพวกเขาต้องการอะไรจากสินค้าและบริการ
- ค้นหาเทรนด์ตลาด คีย์เวิร์ดที่กำลังถูกพูดถึงสามารถบอกแนวโน้มของอุตสาหกรรมได้
- ระบุโอกาสใหม่ ๆ ค้นหาช่องว่างที่คู่แข่งยังไม่ได้เติมเต็ม
ตัวอย่าง: หากคุณทำธุรกิจ รับทำการตลาด และพบว่ามีคนค้นหาคำว่า “โฆษณาบน TikTok ดีไหม?” เป็นจำนวนมาก แสดงว่าตลาดกำลังสนใจ TikTok Ads คุณสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อนำเสนอ บริการทำการตลาดออนไลน์บน TikTok ได้
2. วิเคราะห์ Brand Analysis ด้วย Social Listening
Brand Analysis คือการวิเคราะห์ภาพลักษณ์ของแบรนด์ผ่านข้อมูลที่ได้รับจาก Social Listening โดยมีจุดสำคัญที่ต้องวิเคราะห์ ได้แก่
- Brand Sentiment วัดว่าผู้คนพูดถึงแบรนด์ในเชิงบวก ลบ หรือกลาง
- Voice Share เปรียบเทียบว่าผู้บริโภคพูดถึงแบรนด์ของคุณมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
- Engagement Trends วัดผลการมีส่วนร่วม เช่น ไลก์ คอมเมนต์ และแชร์
ตัวอย่าง: หากคุณเป็นบริษัท ทำการตลาดออนไลน์ และพบว่าลูกค้าพูดถึงแบรนด์ของคุณในแง่ของ “บริการมืออาชีพ” และ “ตอบสนองรวดเร็ว” คุณสามารถใช้จุดแข็งนี้ในการสร้างคอนเทนต์ที่เน้นจุดขายของคุณได้
3. ใช้ Social Listening เพื่อพัฒนาคอนเทนต์ที่ตรงใจลูกค้า
คอนเทนต์ที่ดีต้องตอบโจทย์ลูกค้า และ Social Listening สามารถช่วยให้คุณสร้างคอนเทนต์ที่ตรงจุด โดยวิธีการดังนี้:
- วิเคราะห์คำถามที่ลูกค้าสนใจ ค้นหาว่าผู้บริโภคมีคำถามอะไรเกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณ
- ใช้คีย์เวิร์ดที่ลูกค้าค้นหาบ่อย เพิ่ม SEO ให้บทความของคุณติดอันดับสูงขึ้น
- วัดผลกระแสตอบรับของคอนเทนต์ ปรับแต่งเนื้อหาตามพฤติกรรมผู้ใช้
ตัวอย่าง: หากคุณให้บริการ รับทำการตลาด และพบว่าผู้คนสนใจ “เทคนิคยิงแอด Facebook” คุณสามารถสร้างบทความ “5 เทคนิคยิงแอด Facebook ให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
4. วิเคราะห์คู่แข่งด้วย Social Listening
ถ้าคุณอยากเหนือกว่าคู่แข่ง คุณต้องรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ Social Listening ทำให้คุณสามารถ:
- ดูว่าคู่แข่งใช้กลยุทธ์อะไรบ้าง
- วิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่พวกเขาใช้
- หาจุดอ่อนและโอกาสที่คุณสามารถเข้ามาเติมเต็ม
ตัวอย่าง: หากคุณเป็นบริษัท ทำการตลาดออนไลน์ และเห็นว่าคู่แข่งเน้น Facebook Ads แต่ยังไม่ได้ใช้ Google Ads คุณอาจเลือกโปรโมตบริการ Google Ads เพื่อสร้างความแตกต่าง
5. ใช้ Social Listening วัดผลลัพธ์ของแคมเปญการตลาด
การใช้ Social Listening ในการวัดผลลัพธ์ช่วยให้คุณรู้ว่าแคมเปญไหนได้ผลดีและควรปรับปรุงอะไรบ้าง โดยคุณสามารถวิเคราะห์ได้จาก:
- Engagement Trends คอนเทนต์แบบไหนที่ได้รับความสนใจมากที่สุด
- Influencer Analysis ใครเป็นคนที่พูดถึงแบรนด์ของคุณมากที่สุด
- Sentiment Analysis กระแสตอบรับของแคมเปญเป็นบวกหรือลบ
ตัวอย่าง: หากคุณเป็นเอเจนซี รับทำการตลาด และใช้ Social Listening วิเคราะห์แคมเปญของลูกค้า คุณอาจพบว่าโพสต์วิดีโอได้ Engagement สูงกว่าภาพนิ่ง คุณสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อแนะนำกลยุทธ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า
สรุป: ใช้ Social Listening ให้เป็น แล้วคอนเทนต์ของคุณจะไม่พลาดเป้า
หากคุณต้องการ สร้างคอนเทนต์ที่ใช่ โดนใจลูกค้า การใช้ Social Listening จะช่วยให้คุณเข้าใจตลาดได้ลึกขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
- การทำ Market Research เพื่อค้นหาความต้องการของลูกค้า
- Brand Analysis เพื่อวิเคราะห์ภาพลักษณ์และจุดแข็งของแบรนด์
- การใช้ข้อมูลเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์
- การเปรียบเทียบคู่แข่งและปรับกลยุทธ์ให้ได้เปรียบ
- การวัดผลแคมเปญเพื่อปรับปรุงการตลาดให้ดีขึ้น
—————————-
หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาและทีม รับทำการตลาดออนไลน์ เอเจนซี่โฆษณา สร้างยอดขายทะลุเป้าแบบก้าวกระโดด ติดต่อเราเพื่อให้ธุรกิจของคุณ
ไปสู่เป้าหมายที่ใฝ่ฝัน
ติดต่อรับคำปรึกษาฟรี !!!
Tel : 094-616-3651
Line OA : @unicronet
#Unicronet #PerformanceMarketing #digital agency #เอเจนซี่โฆษณา #Marketing agency #รับทำการตลาด #Content marketing
Related Posts

Retargeting เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ บน TikTok Shop การทำ Retargeting เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการบนแพลตฟอร์ม TikTok โดยการเจาะจงกลุ่มเป้าหมายที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์หรือสินค้า ด้วยการนำเสนอเนื้อหาที่ตรงใจผู้ใช้งานในแต่ละช่วงของกระบวนการตัดสินใจ (Consumer Journey) เพื่อผลักดันให้เกิดการซื้อสินค้าในท้ายที่สุดAudience Retargeting คืออะไร? Audience Retargeting คือการเข้าหากลุ่มเป้าหมายที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการดูสินค้า ใส่สินค้าในตะกร้า หรือเริ่มกระบวนการชำระเงิน แต่ยังไม่ได้ซื้อ ด้วยเนื้อหาที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความสนใจในแต่ละช่วงของ Consumer Journey เพื่อสร้างโอกาสในการเปลี่ยนใจผู้ใช้ให้กลายเป็นลูกค้าได้สำเร็จ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการ รับทำการตลาด จะสามารถวิเคราะห์และเลือกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้การ Retargeting บน TikTok สร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับแบรนด์ สำหรับธุรกิจที่มองหาผู้เชี่ยวชาญ รับทำการตลาด บน TikTok กลยุทธ์ Retargeting สามารถช่วยเพิ่ม ROI ได้อย่างมีประสิทธิภาพการเดินทางของผู้บริโภค (Consumer Journey) Consumer Journey คือกระบวนการที่ลูกค้าเดินทางผ่านแต่ละขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการตัดสินใจซื้อ โดยในแต่ละขั้นตอนสามารถใช้ Retargeting เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคข้ามไปยังขั้นตอนถัดไปได้ ตัวอย่างขั้นตอนหลัก ๆ ได้แก่:การค้นหาและรับรู้ (Awareness): ผู้บริโภคเริ่มสนใจและรู้จักแบรนด์การพิจารณา (Consideration): ผู้บริโภคเปรียบเทียบตัวเลือกและเริ่มศึกษาข้อมูลสินค้าการตัดสินใจซื้อ (Decision): ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าหรือบริการการซื้อซ้ำ (Retention): ผู้บริโภคพึงพอใจและกลับมาซื้อซ้ำหรือแนะนำให้ผู้อื่น การวางแผน การตลาด TikTok Shop โดยครอบคลุมทุกขั้นตอนจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้า สำหรับผู้ที่มองหาบริการ รับทำการตลาด การเข้าใจ Consumer Journey จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณาได้อย่างมากตัวอย่างของกลุ่มเป้าหมายในการ Retargeting- กลุ่มลูกค้าใหม่ลูกค้าใหม่ที่เคยดูสินค้าแต่ยังไม่ซื้อ (Product Page View)Target: ผู้ที่เคยดูรายละเอียดสินค้าใน 7-180 วันOptimization: มุ่งเป้าไปที่การปิดการขาย (Complete Payment)ลูกค้าที่ใส่สินค้าในตะกร้าแต่ยังไม่ซื้อ (Add To Cart)Target: ผู้ที่ใส่สินค้าในตะกร้าในช่วง 7-180 วันOptimization: ส่งเสริมให้เกิดการชำระเงินสำเร็จ- กลุ่มลูกค้าที่คุ้นเคยกับแบรนด์การซื้อซ้ำ (Repeat Purchase)Target: ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าในรอบ 60 วันที่ผ่านมา แต่ไม่รวมลูกค้าที่เพิ่งซื้อใน 14 วันที่ผ่านมาOptimization: กระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำและเพิ่มความถี่ในการซื้อการขายเพิ่ม (Up Selling)Target: ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าในรอบ 60 วันOptimization: เสนอขายสินค้าราคาสูงหรือแพ็กเกจสินค้าการขายข้ามประเภท (Cross Selling)Target: ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าภายในแบรนด์ใน 30 วันOptimization: เสนอขายสินค้าประเภทอื่นที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการ รับทำการตลาด บน TikTok การแบ่งกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนจะช่วยให้การโฆษณามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นขั้นตอนการสร้าง Shop Activity Audience บน TikTok Adsไปที่เมนู เนื้อหา > ผู้ชมคลิก สร้างผู้ชม > ผู้ชมที่กำหนดเองเลือก กิจกรรมร้านค้า เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายจากการกระทำใน TikTok Shop เช่น การดูหน้ารายละเอียดสินค้า การใส่สินค้าในตะกร้า หรือเริ่มกระบวนการชำระเงินกำหนดกรอบเวลามองย้อนกลับ (7, 14, 30, 60,…

Persona สำคัญอย่างไร? วิธีสร้าง Buyer Persona ยังไงให้ใช้งานได้จริง ในโลกของการตลาดดิจิทัล การรู้จัก "ใคร" คือกลุ่มเป้าหมายของเรามีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา และนี่คือเหตุผลที่ Buyer Persona หรือ ต้นแบบของลูกค้า (Customer Archetype) มีบทบาทสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดให้ประสบความสำเร็จ Buyer Persona ไม่ใช่แค่การเดาสุ่มว่าใครจะซื้อสินค้าของเรา แต่คือการศึกษาลงลึกถึง พฤติกรรม ความต้องการ และปัญหา ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อให้แบรนด์สามารถออกแบบสินค้า บริการ หรือการสื่อสารที่ตรงใจมากที่สุด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับธุรกิจที่กำลังมองหาทีม รับทำการตลาด เพื่อสร้างแคมเปญที่ตอบโจทย์Buyer Persona สำคัญอย่างไร?ปรับกลยุทธ์ได้ตรงจุด: การเข้าใจ Persona ช่วยให้เรารู้ว่าเนื้อหาประเภทใด โฆษณาแบบไหน หรือแพลตฟอร์มใดที่จะได้ผลที่สุด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับทีม รับทำการตลาด ในการวางแผนที่แม่นยำเพิ่ม Conversion: เมื่อการสื่อสารของคุณตรงกับปัญหาหรือความต้องการของลูกค้า ความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนจากผู้สนใจเป็นผู้ซื้อจะสูงขึ้นซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการ รับทำการตลาดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น: การรู้ว่าคุณควรลงทุนในช่องทางไหนและหลีกเลี่ยงช่องทางใดช่วยประหยัดงบประมาณได้สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ: เมื่อเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง คุณสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความภักดีต่อแบรนด์ได้ ซึ่งทีม รับทำการตลาด มักใช้จุดนี้ในการสร้างความได้เปรียบให้แบรนด์วิธีสร้าง Buyer Persona ที่ใช้งานได้จริง.1. เก็บข้อมูลลูกค้า (Research Phase)เริ่มต้นด้วยการเก็บข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อให้ได้มุมมองที่ครอบคลุม:วิเคราะห์ลูกค้าปัจจุบัน:ดูจากข้อมูลการซื้อ พฤติกรรมการใช้งาน หรือความถี่ในการซื้อสำรวจตลาด:ใช้แบบสอบถามหรือสัมภาษณ์ลูกค้าเพื่อเข้าใจถึงปัญหาและความคาดหวังดูจาก Insights บนแพลตฟอร์มดิจิทัล: เช่น Facebook Audience Insights, Google Analytics หรือ TikTok Analytics เพื่อรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณมีพฤติกรรมอย่างไรข้อมูลเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทีม รับทำการตลาด จะนำไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น2. แบ่งกลุ่มตามข้อมูลประชากร (Demographics)ข้อมูลที่ควรระบุ:อายุเพศอาชีพรายได้สถานที่อยู่ตัวอย่าง:Persona 1: สาววัย 25-35 ปี ทำงานสายครีเอทีฟในเมืองใหญ่ ชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ รายได้ปานกลางถึงสูง การแบ่งกลุ่มนี้ทำให้การออกแบบคอนเทนต์และโฆษณาของทีม รับทำการตลาด สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้น3. วิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการ (Psychographics)นอกเหนือจากข้อมูลพื้นฐาน ลองเจาะลึกถึง:ไลฟ์สไตล์: พวกเขาทำอะไรในเวลาว่าง?Pain Points: ปัญหาหรืออุปสรรคที่พวกเขาเจอในชีวิตความต้องการ: สิ่งที่พวกเขาอยากได้หรือหวังว่าจะได้จากแบรนด์ตัวอย่าง:Persona 1: "ชอบความสะดวก รวดเร็ว มีเวลาแค่น้อยนิด แต่ต้องการคุณภาพสูงในสิ่งที่ซื้อ"การเข้าใจในจุดนี้ จะช่วยให้ทีม รับทำการตลาด วางแผนคอนเทนต์หรือโฆษณาที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงใจ4. สร้างโปรไฟล์ Personaนำข้อมูลทั้งหมดมารวมกันเป็น "ตัวละครสมมติ" เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจและสื่อสารกับทีมงานตัวอย่าง Buyer Persona:ชื่อ: แอนนาอายุ: 30 ปีอาชีพ: นักออกแบบกราฟิกในกรุงเทพPain Point: มีเวลาจำกัด แต่ต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพและพร้อมรับประทานความต้องการ: ชอบเทคโนโลยี ใช้งานแอปสั่งอาหารบ่อย และต้องการสินค้าที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นโปรไฟล์นี้จะช่วยให้การทำแคมเปญการตลาดชัดเจนขึ้น และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทีม รับทำการตลาด จะนำไปใช้ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด5. นำ Persona ไปใช้ในกลยุทธ์การตลาดการออกแบบคอนเทนต์:ใช้ Persona ในการกำหนดว่าคอนเทนต์ควรมีโทนแบบไหน เช่น แอนนาที่มีเวลาจำกัด อาจสนใจวิดีโอ How-to ที่ใช้เวลาไม่นานการเลือกแพลตฟอร์ม:หาก Persona ของคุณอยู่ในกลุ่ม Gen Z อาจเน้น TikTok หรือ Instagram มากกว่าการตั้งเป้าหมายโฆษณา:ใช้ข้อมูล Persona ในการตั้งค่า Target Audience บน Facebook…